วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ดนตรีพื้นบ้านมังคละ

วงทองอยู่มังคละ บริเวณจุดบรรจบของแม่น้ำน่านและแควน้อย
จดหมายระยะทางไปพิษณุโลก
          ดนตรีพื้นบ้านมังคละวัฒนธรรมลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่าน จากอดีตผ่านมา   ๑๐๐   กว่าปีมาแล้วในจังหวัดพิษณุโลก มีหลักฐานบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรในจดหมายเหตุระยะทางไปพิษณุโลก  พระนิพนธ์สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์  เมื่อปี  พ.ศ.  ๒๔๔๔  ความว่า
           เวลาทุ่ม  ๑  กลับมาถึงเรือ พอกินข้าวแล้ว  พระยาเทพามาบอกว่า  มังคละ  มาแล้ว  ลืมเล่าถึงมังคละไป  คืนวันเมื่อพักอยู่ที่ไทรโรงโขน  ได้ยินเสียงไกล ๆ  เป็นกลองตีเป็นเพลง  แต่จะสังเกตว่าเป็นอะไรไม่ได้  รุ่งขึ้นกำลังเดินเรือมาตามทาง  ได้ยินอีกหนหนึ่ง  ทีนี้ใกล้เขาแห่นาคกันอยู่ริมตลิ่ง  แต่ไม่แลเห็นอะไรเพราะพงบังเสีย  นึกเอาว่าเถิดเทิงเลวอยู่มาก  ก็นึกเสียว่า  เถิดเทิงบ้านนอกมันคงลักขูอยู่เอง  ครั้นมาจอดที่วัดสะกัดน้ำมัน  ได้ยินอีกไกล ๆ  จึงได้ถามท่านสมภารว่าอะไร  ท่านสมภารอธิบายว่า  ปี่พาทย์ชนิดหนึ่งเรียกว่ามังคละ  พระยาเทพาอยู่ที่นั่นด้วย  ก็เลยอธิบายว่า  เป็นกลองคล้ายสองหน้า  มีฆ้องมีปี่  ปี่พาทย์ชนิดนี้เล่นไม่ว่าการมงคลแลการอัปมงคล  หากันวันกับคืนหนึ่งเป็นเงิน  ๗  ตำลึง  จึงได้ขอให้พระยาเทพาเขาเรียกมาตีให้ฟัง  เมื่อเขาจัดมาแล้วเขาจึงมาบอก  ได้ขึ้นไปดูมังคละ  ทีแรกตีเพลงนมยานกะทกแป้งฤาอะไรแป้ง  จำไม่ได้ถนัดที่เขาบอก  เครื่องมังคละนี้เป็นเครื่องเบญจดุริยางค์แท้  มีกลองเล็กรูปเหมือนเถิดเทิงแต่สั้น  ขึงหนังหน้าเดียวมีไม้ตียาว ๆ
         แต่ประวัติความเป็นมาที่แน่ชัดไม่ปรากฏเพราะสมัยโบราณมีการเดินทางค้าขายติดต่อกันทางน้ำ ผู้สูงอายุเล่าสืบต่อกันมาว่าพบเห็นการเล่นดนตรีพื้นบ้านมังคละมาหลายช่วงอายุคนแล้ว เพราะทางสุโขทัยที่เดินทางมาตามลำน้ำยมสายเก่า(ปัจจุบันคือคลองเมม อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลกห่างจากบ้านกร่างท่าวัว 5 กิโลเมตร) มาติดต่อค้าขายที่บ้านกร่างท่าวัว(ตำบลบ้านกร่าง อำเภอเมืองพิษณุโลก) พวกค้าวัวควายจากกำแพงเพชรก็มารวมกันที่บ้านกร่างท่าวัว บางส่วนมาตามลำน้ำน่าน เช่น อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดพิจิตรและจังหวัดนครสวรรค์ บางส่วนเดินทางมาตามลุ่มน้ำแควน้อย เช่น อำเภอวัดโบสถ์ อำเภอนครไทย มาขึ้นบกที่บ้านจอมทอง อำเภอเมืองพิษณุโลกซึ่งห่างจากบ้านกร่างท่าวัวประมาณ 2 กิโลเมตร การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ถ่ายทอดให้กันจึงพบเห็นการเล่นดนตรีพื้นบ้านมังคละได้ในหลายชุมชน มีผิดแปลกกันเพราะลูกเล่น เทคนิค ความสามารถ ของพ่อครูแม่ครูที่คิดค้นพัฒนาเพื่อเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละวง
         รัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการมีนโยบาย  ให้โรงเรียนแต่ละโรงเรียนมีกิจกรรมหรือผลิตภัณฑ์ ที่เกิดจากความร่วมมือของคณะครู นักเรียน และชุมชนซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของโรงเรียน  โรงเรียนวัดจอมทองได้ศึกษาภูมิปัญญาท้องถิ่นตำบลจอมทอง พบว่าดนตรีพื้นบ้านมังคละเป็นดนตรีพื้นบ้านที่ชาวบ้านตำบลจอมทองมาเล่นมาแต่โบราณ  ใช้แสดงในงานมงคล  เช่น   งานบวช  , งานแต่งงาน   และงานรื่นเริงต่างๆ  
        
         การเล่นมังคละ นับวันจะถูกกระแสวัฒนธรรมยุคปัจจุบัน อันเป็นวิถีชีวิตมนุษย์ในสังคมอุตสาหกรรม และสังคมเทคโนโลยีเข้าครอบงำ จึงทำให้ของดีที่บรรพบุรุษได้สร้างสมไว้ถูกกลืนไปอย่างน่าเสียดาย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 เห็นว่า ต้องช่วยกันศึกษาค้นคว้า สืบสาน เพื่อเก็บรักษาศิลปะการเล่นมังคละพื้นบ้านจังหวัดพิษณุโลก อันเป็นร่องรอยจากอดีตให้คงอยู่ต่อไป

 

1 ความคิดเห็น: